บริจาคทรัพย์

บริจาคทรัพย์

Monday, April 5, 2010

พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ

bucha04 bucha05 udonterritory 7

เปิดตำนานสืบสานพระอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ เป็นพระที่หนึ่งในเมืองไทย เป็นพระที่สุดยอด ประติมากรรม สุดยอดพุทธคุณทุกด้าน บูชาแล้ว ประสบความสำเร็จ รุ่งเรือง ร่ำรวย  พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีได้สักการะบูชา เพื่อเพิ่มบุญบารมี เจริญโภคทรัพย์มีเงินทองไหลมาเทมา พระเดชพระคุณ พระอุบาลี คุณูประมาจารย์ผู้ได้กล่าวขานจากตำนานโบราณ ได้สืบสานกันต่อมาว่า มีเศรษฐีผู้ใจดีจากเมืองต่างๆ ในแคว้นพุทธกำเนิด ในพุทธกาลมีเศรษฐี คุณูประมาจารย์  ต่อพระพุทธศาสนา เลื่อมใสในคำสอน พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ขอออกบวชเพื่อทะนุบำรุงศาสนา ของบรมศาสดาในพุทธองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเศรษฐีคนนี้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเลิศในพระพุทธศาสนา ได้เป็นเอตะทัคคะ เป็นผู้เลิศด้วยลาศ เลิศด้วยยศ บรรลุอรหัตผล ในพระพุทธศาสนา บรรลุโสดาปัทผล บรรลุสะกะทาคามี บรรลุอนาคามี บรรลุอรหัตผล พระมหาเศรษฐีทั้ง ๙ คน มีดังนี้

     ท่านยศเศรษฐี หรือท่าน ยสะเศรษฐี เกิดในตระกูลของเศรษฐี เมืองพาราณสี แคว้นกาสี วรรณไวยสะ เกิดมามีความสุข มีปราสาท ๓ ฤดู แบบเจ้าชายสิทธัตทะ สมรสกับลูกสาวตระกูลเสมอกันแต่ไม่มีลูก วันหนึ่งได้เดินทางไปกราบพระพุทธเจ้า ที่ป่าอิสิปัตตะนะ มฤคทัยวรรณ ได้พบพระพุทธเจ้า ขณะที่เดินจงกรมอยู่กลางแจ้ง พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นแต่ไกล ก็เชิญมาตรงนี้  ท่านยสะดีใจก้มกราบ พระพุทธเจ้าทรงยกอนูบุพพะพิคาถา แสดงธรรมให้ฟังตามลำดับ  คือ ศีล ทาน บารมี สวรรค์ เรื่องของการเกิด การตาย ท่านยสะฟังแล้วเข้าใจ มีจิตใจที่สงบ ซึ่งในพระธรรมชั้นสูง ได้บรรลุโสดาบรรณทันที พระพุทธเจ้า ทรงทราบว่า พระยสะทรงบรรลุอรหัตถ์ผลแล้ว ไม่ควรกลับไปครองเรือน เมื่อจบพระพุทธดำรัส ท่านยสะ ก็ได้เป็นพระอรหัตผล เป็นอรหันต์ในพระพุทธศาสนาด้วยการบวช แบบ เอหิภิกขุ สัมปะทา เช่นเดียวกับ เบญจวคีย์ พระยสะเป็นพระคณะแรกที่ได้แสดงจารึกธรรมของพุทธเจ้า ที่ส่งไปประกาศพุทธศาสนา ทั้ง ๖๐ รูป และมีคณะเศรษฐีบวชตามอีก ๕๔ รูป พระยสะเป็นสาวกรูปแรก ที่ได้บรรลุอรหัตผลทั้งที่ยังเป็นฆราวาสอยู่ เนื้อตัวยังหอมกรุ่นด้วยเครื่องหอม บรรลุวิชา ๓ ตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

     ท่านเศรษฐีชฎิล เมื่อพระกัสสะปะสัมมาสัมพุทธเจ้าดับขันธุ์ปรินิพพานชาวพุทธพร้อมกันที่จะสร้างพระมหาเจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เพื่อให้มนุษย์เทวดาได้สักการะบูชา ในสมัยพระอรหันต์สมัยหนึ่ง เห็นว่า มุขทางทิศเหนือ ยังสร้างไม่สำเร็จ ยังขาดทองคำจำนวนมาก จึงประกาศหาผู้ร่วมบุญบริจาคทองคำ  ท่านชฏิล เป็นคนหนึ่ง ที่ได้รับการบอกเล่าจากภรรยาว่า ท่านชฏิลเป็นเศรษฐีที่มีกรรมมาก ขอให้ทำบุญด้วยการถวามทองคำแล้วจะพ้นกรรม ท่านชฏิล ก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของภรรยา แล้วก็ได้ไปพบพระเถระ ท่านชะตินชวนลูกหลานถวายทองตามคำแนะนำ แล้วก็พ้นกรรมได้สละทรัพย์คือ ถวายทองคำ ถวายเพื่อสร้างเจดีย์ แล้วเจดีย์ก็เสร็จสมบูณ์ ท่านชฏิลก็อิ่มในผลบุญ สมบัติทั้งหมดก็ยกให้ลูกหลานบริวาร แล้วท่านก็ออกบวช สำเร็จพระอรหัตผล 

     ท่านสุมังคละเศรษฐี   ท่านเป็นอภิมหาเศรษฐีที่ใจบุญ ได้ถวายทาน ได้สร้างมหาวิหาร เพื่อถวาย พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ท่านถวายทองคำ ท่านสุมังคลเศรษฐี ได้ถวายทานใหญ่หลวง ท่านสุมังคลเศรษฐี เป็นผู้มีบุญบารมีมาก ได้สร้างถวายทาน ถวายแก่พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ถวายพระเจดีย์ ได้สละทรัพย์ แล้วก็ออกบวช ตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

     ท่านอนาถปิณฑิกะเศรษฐี เอตะทัคคะอัครทายก ท่านเป็นลูกมหาเศรษฐีที่เกิดในเมือง สาวัตถี เป็นโยมอุปลาก เมื่อพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดขึ้นมา ท่านมีความปิติยินดียิ่งนัก อยากเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า จนหลับแล้วตื่น ๓ ครั้ง ถึงได้พบ แล้วจึงเดินทางออกจากกรุงราชคฤษ์ ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ที่ป่าอิสิปะตะนะมฤคทัยวรรณ ได้ถวายอาหาร ถวายทรัพย์สินเงินทอง เมื่อท่านเดินทางไปถึง นครสาวัตถี จึงได้ซื้อที่ดิน ๑๘ โกฏิ ห่างจากบ้านคน ได้ก่อสร้างวิหารหอฉันท์ เรือนไฟที่เดินจงกรม บ่อน้ำ ศาลาบ่อน้ำ ถวายพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกรุงราชคฤษ์ นครสาวัตถี พระพุทธเจ้าทรงอนุโมทนาว่า คนที่สร้างวิหารพระเจดีย์ให้พระที่อยู่อาศัย ป้องกันภัยร้อนเย็น ย่อมได้รับบุญกุศลอานิสงค์ที่ใหญ่หลวง แล้วท่านก็ถวายบริจาคทาน ออกบวชตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า 

     ท่านโชติกะเศรษฐี เกิดที่กรุงพาราณสี ท่านโชติกเป็นเศรษฐีผู้เลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธ ชอบการทำบุญถวายทาน ปรารถนาขอบรรลุธรรม ในชาตินี้ และท่านก็ได้บรรลุธรรมตามปรารถนา ได้เป็นพระอรหัตผล บำรุงศาสนา ได้ทำบุญถวายทรัพย์ หนึ่งแสนกระดุมพี พร้อมบ่าวไพร่ แล้วได้ออกบวช ในพระพุทธศาสนา ได้บรรลุพระอรหันต์

      ท่านสุมนะเศรษฐี ท่านเป็นขาวราชคฤษ์ เมื่อพระสารีบุตรเถระได้มองด้วยญานทิพย์ว่า บุรุษผู้นี้เป็นคนมีบุญ แล้วก็ได้อนุโมทนาให้การแสวงบุญ ถวายทาน ท่านสุมนซึ้งในคำสั่งสอน แล้วก็ได้ออกบวชในศาสนา ของบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

      ท่านธนันชัยเศรษฐี และ นางวิสาขามหาอุบาสิกา นางวิสาขาเป็นลูกสาวของท่านธนันชัย นางวิสาขาเกิดในตระกูลเศรษฐี  นางวิสาขาเป็นกุลสตรี ในกาลต่อมา นางวิสาขาเป็นคนแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝน นางวิสาขาได้ให้บริวารไปที่วัดเพื่อให้ถวายน้ำปานะ ในวันหนึ่ง ขณะบริวารไปถึงวัด เวลาฝนตก จึงเห็นพระสงฆ์ทั้งหลายเปลือยกายอาบน้ำฝน  บริวารได้กลับมาบอกนางวิสาขาว่า ที่วัดไม่มีพระแต่รูปเดียว  มีแต่ชีเปลือยอาบน้ำฝน นางวิสาขาเป็นอริยบุคคล ชั้นโสดาบรรพ์เป็นมหาอุบาสิกา จึงขออนุญาตถวายผ้าอาบน้ำฝน พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต นางวิสาขาเป็นมหาเศรษฐี มหาอุบาสิกาผู้ยิ่งใหญ่ เป็นยอดแห่งอุปถายิกา บำรุงศาสนาตามหลัก  บุญกริยาวัตถุ วันฉลองวิหาร วัดบุพพะพาราม มีความปรารถนา คือ สร้างปราสาทปูนวิหารถวาย ถวายเตียง ตั่งฟูก หมอน เสนาสนพันธุ์ ถวายหลายสิ่งหลายอย่าง และนางวิสาขาเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกย่องว่า เป็นเอตะทัคคะ เป็นเลิศในมหาอุบาสิกา เป็นทายิกาผู้เป็นบุญมหาเศรษฐี ของสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ พระที่หนึ่งในเมืองไทย พระที่หนึ่งในแผ่นดิน พระมหาเศรษฐี ทั้ง ๙ นี้ เป็นผู้มีบุญบารมีมาก ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ตั้งแต่ดำรงคราวาสอยู่

      ในสมัยที่เกิดข้าวยุคทุกข์เข็น ข้าวยากหมากแพง ประชาขนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้นมา จึงมีคนแนะนำให้ หลายๆคนสร้างพระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิขึ้นมา เพื่อสักการะบูชา แก้เคล็ดในความทุกข์ยาก และเมื่อมีการฉลองมีการบวงสรวง มีการทำบุญ สิ่งต่างๆก็ได้บรรเทาเบาบางลง

 

416549

www.moneylinkdirect.com-r=K9IK5HBJTP

 

No comments: